เนทติเนท์ประสบความสำเร็จในการวางระบบ RISE with S/4HANA Version Netizen Peony ให้กับบริษัท ไทยเมดิคอลโกลฟ จำกัด 

เนทติเซนท์ในฐานะ SAP Partner และเป็นผู้เชี่ยวชาญในการวางระบบ SAP ERP มากกว่า 20 ปี ได้ทำการเริ่มวางระบบ RISE with S/4HANA Version Netizen Peony ให้กับบริษัท ไทยเมดิคอลโกลฟ จำกัด ในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา โดยเป็นการวางระบบบน cloud เพื่อสามารถทำงาน และเรียกดูข้อมูลออนไลน์ได้จากทุกที่ทุกเวลา โดยในโครงการนี้ เนทติเซนท์ทำหน้าที่ในการออกแบบ System Landscape วางแผน และออกแบบกระบวนการทำงานในส่วนต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับขั้นตอนการทำงานของพาร์ทเนอร์มากที่สุด 

และในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนทติเซนท์ ก็ได้ทำการ Go-Live ระบบ RISE with S/4HANA Version Netizen Peony นี้ให้กับบริษัท ไทยเมดิคอลโกลฟ จำกัด ได้อย่างประสบความสำเร็จ นับเป็นครั้งแรกของการ Go-Live ด้วยโซลูชัน RISE with S/4HANA  ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจขของเนทติเซนท์ในฐานะที่ปรึกษาการวางระบบ ERP

สำหรับโซลูชัน RISE with S/4HANA Version Netizen Peony เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดจาก SAP ที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของจำนวน user ด้วยการใช้งาน user แบบ FUE ที่สามารถปรับเพิ่ม-ลด และเปลี่ยนประเภทของ user ได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้องค์กรไม่ต้องแบกรับค่า License จำนวนมาก นอกจากโซลูชัน RISE with S/4HANA Version Netizen Peony ยังเป็นการวางระบบ และทำงานบน cloud ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์ และค่าบำรุงรักษาได้อย่างมาก รวมถึงยังช่วยเชื่อมโยงการทำงานที่ซับซ้อนภายในองค์กรได้เป็นอย่างดี

โดยบริษัท ไทยเมดิคอลโกลฟ จำกัด คือ ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายถุงมือทางการแพทย์ที่มีกำลังการผลิตที่ใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศ ด้วยมาตรฐานการผลิตระดับสากลและเทคโนโลยีที่ทันสมัย บริษัทฯมีแนวความคิดในการดำเนินธุรกิจที่ค่อนข้างใหม่ เพื่อป้องกันการถูกดิสรัปในอนาคต นอกจากนี้ยังมีความคิดเกี่ยวกับสร้างมาตรฐานการทำงานตั้งแต่ต้น เพื่อเป้าหมายในการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตอันใกล้นี้ ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา ทางบริษัทฯ จึงได้ตัดสินใจวางระบบ RISE with S/4HANA Version Netizen Peony ในครั้งนี้

นอกจากนี้การวางระบบ RISE with S/4HANA Version Netizen Peony นี้ จะช่วยให้ผู้บริหารสามารถเรียกดูข้อมูลต่างๆได้แบบเรียลไทม์ สามารถมอนิเตอร์ ควบคุม ต้นทุนทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงสามารถวิเคราะห์ และคาดการณ์โอกาส ความเสี่ยงต่างๆ ทางธุรกิจได้ง่ายขึ้น เพื่อให้บริษัทสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในสภาวะเศรษฐกิจผันผวนในปัจจุบัน และเพื่อรองรับการเติบโต และก้าวสู่ตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต